ตั้งแต่ซีรีส์ทางประวัติศาสตร์จนถึงซีรีส์แนวปัจจุบันต่างมีพล็อตที่นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ชมและยังให้ข้อคิดตระหนักถึงเพศสภาพกับความคิดของผู้คนในสังคมนั้น ๆ
ตั้งแต่วัยรุ่นสาวที่เลือกที่จะปกปิดตัวตนที่แท้จริงโดยการปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อให้ได้รับการจ้างงานไปจนถึงหญิงสาวที่ถูกบังคับให้ปลอมตัวเป็นกษัตริย์ การเปลี่ยนเพศมักจะส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่อันตราย, ความกระอักกระอ่วน, หรือไปจนถึงความขำขัน ซีรีส์เหล่านี้ได้เน้นประเด็นทางสังคมวัฒนธรรมหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบทบาททางเพศและความเหลื่อมล้ำทางเพศ รวมถึงการพูดถึงประเด็นเรื่องเพศด้วย
อย่างซีรีส์ที่กำลังออกอากาศอยู่เรื่อง “Our Blooming Youth” ได้รับคำชมจากเนื้อหาที่ให้ตัวละครหญิงมีบทนำ แจอี (รับบทโดยจอนโซนี) หญิงสาวสูงศักดิ์ที่มีความสามารถหลายอย่างแต่เพราะกฎสมัยโชซอนที่จำกัดไม่ให้ผู้หญิงทำนั่นทำนี่ แจอีเป็นทั้งนักสืบมือสมัครเล่น, นักดาบสุดเก่ง และนักธนูผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้
สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทำให้เธอต้องมาลี้ภัยในพระราชวังในฐานะทหารและขันที แต่เธอไม่ได้เป็นหญิงสาวที่อยู่ในความทุกข์ แจอีปกปิดตัวตนที่แท้จริงไว้ และร่วมมือกับองค์รัชทายาทอีฮวาน (รับบทโดยพัคฮยองชิก) ถ้าคุณชอบเรื่อง “Our Blooming Youth” ซีรีส์ 6 เรื่องต่อไปนี้ก็มีพล็อตที่นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายเช่นกัน
“The King’s Affection”
ดัมอี (รับบทโดยพัคอึนบิน) ต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริง สมัยเด็กเธอถูกบังคับให้ปลอมตัวเป็นพี่ชายฝาแฝดองค์รัชทายาทอีฮวี แต่เขาสิ้นพระชนม์ก่อนวัยอันควร มเหสีถูกบังคับให้กำจัดลูกสาวเพื่อประโยชน์ของลูกที่เป็นองค์รัชทายาท มเหสีโกหกว่าลูกสาวตายแล้ว จนดัมอี หาทางกลับเข้ามาวังหลวงในฐานะคนใช้ทำให้คนอื่นที่ล่วงรู้ความลับของเธอต่างเป็นห่วง ทว่าเหตุการณ์องค์ชายรัชทายาทถูกสังหาร มเหสีจึงขอให้ดัมอีปลอมตัวเป็นพี่ชายฝาแฝดเพื่อให้ดัมอีอยู่รอดและช่วยตัวราชินีเอง
ดัมอีที่มีสีหน้าเด็ดเดี่ยวไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ในขณะทรงงานในฐานะเจ้าชายอย่างขยันขันแข็ง ดัมอีเหนื่อยกับสิ่งรอบข้าง แต่สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปเมื่อเธอได้เจอกับอาจารย์จองอีอุน (รับบทโดยโรอุน) ในขณะที่ปลอมตัวเป็นพี่ชายแต่ก็ต้องหวั่นไหวเมื่อเจอคนที่เขารัก ในฐานะอีฮวีเธอถูกวางแผนทำร้ายต่าง ๆ นานแต่ก็มีความโรแมนติกอันอ่อนโยนเกิดขึ้นเช่นกัน
“The King’s Infection” มีต้นฉบับมาจากหนังสือการ์ตูนชื่อเดียวกัน พล็อตที่ทำให้ผู้ชมติด เน้นเนื้อหาของครอบครัว ความพยายามที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแม้จะแปลกไปก็ตาม พัคอึนบินรับบทอีฮวีและดัมอีได้สมบูรณ์แบบ เธอแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในการสลับคาแร็คเตอร์ระหว่างตัวละครได้อย่างง่ายดาย เคมีของพัคอึนบินและโรอุนก็ดึงดูดใจ “The King’s Infection” สร้างประวัติศาสตร์เพราะเป็นซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่ได้รางวัล International Emmy 2022
“Coffee Prince”
“Coffee Prince” ซีรีส์ที่คลาสสิกตลอดกาล ชายหนุ่มที่ทั้งหล่อและรวยอย่างชเวฮันกยอล (รับบทโดยกงยู) ปัดความรับผิดชอบทุกอย่างในชีวิต ส่วนโกอึนชาน (รับบทโดยยุนอึนฮเย) หญิงส่งของที่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตแต่มักโดนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชายเพราะรูปร่างและทรงผมของเธอ ฮันกยอลขอให้อึนซานปลอมตัวเป็นแฟนเพื่อย่าจะได้ไม่นัดบอดให้ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป สิ่งที่ตามมาคืออารมณ์ขึ้นลงราวกับรถไฟเหาะ ฮันกยอลเป็นเจ้าของร้านกาแฟ “Coffee Prince” และเพื่อดึงดูดลูกค้าเขาจึงจ้างแต่พนักงานชาย อึนซาน ก็ทำงานที่นั่นเหมือนกัน แต่ฮันกยอลที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอึนชาน แต่เขามักจะสนใจเธอ ฮันกยอลเริ่มตั้งคำถามกับรสนิยมทางเพศของตนเองและก็ต้องตกใจเมื่อความจริงปรากฏ
“Coffee Prince” ที่ดูเหมือนจะเป็นซีรีส์แนวโรแมนติก-คอมเมดี้แต่ตัวซีรีส์ได้ยกคำถามที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางเพศเดียวกันและประเด็นเกี่ยวกับ stereotype ของเพศรวมทั้งทัศนคติของสังคม ยุนอึนฮเยกับบทโกอึนชานดูเป็นแนวทอมบอยที่น่าเชื่อที่สุดในบรรดาซีรีส์เกาหลี ยุนอึนฮเยแสดงบทบาทออกมาให้สมจริงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนกงยูกับบทฮันกยอลสุดหล่อที่สับสนกับความรู้สึกตนเองก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน บวกกับภาพลักษณ์ของกงยูกับผ้าเช็ดตัวถือเป็นฉากที่เป็นที่จดจำของแฟน ๆ
“Love in the Moonlight”
อีกเรื่องการปลอมตัวสลับกันในวังหลวง ฮงราอน (รับบทโดยคิมยูจอง) ที่ทำงานตอนกลางคืนในฐานะผู้ชายเพื่อประทังชีพ แต่หนี้สินที่เพิ่มขึ้นทำให้เธอถูกขายให้กับสำนักขันที เธอได้มาอยู่ในวังในฐานะขันทีฮง จนได้เจอกับองค์ชายอียอง (รับบทโดยพัคโบกอม) และองครักษ์คิมบยองยอน (รับบทโดยควักดงยอน) องค์รัชทายาทสนใจราอนโดยไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง และเขาก็สับสนกับความรู้สึกของเขาแต่ก็ไม่ลังเลที่จะแสดงออกให้ราอนรู้ พล็อตเรื่องเหมือนกับซีรีส์ประวัติศาสตร์เรื่องอื่น ๆ คือท่ามกลางความโรแมนติกที่กำลังเบ่งบานจะมีการวางแผนก่อกบฏ และความลึกลับที่รอคอยให้ตัวละครไปแก้ปริศนา เมื่ออียองรู้ตัวตนที่แท้จริงของราอน ก็ก็มีมือที่สามอย่างยุนนางคิมยุนซอง (รับบทโดยจองจินยอง) ที่ชอบราอนเช่นกัน
“Love in the Moonlight” มีความซับซ้อนอยู่บ้าง แต่กลบด้วยความสดใสของตัวละครหนุ่มสาว กับการพลิกแผนการของตัวละครที่พัคโบกอมรับบทเพราะทำให้เขามีเสน่ห์ในฐานะเจ้าชายหนุ่ม และคิมยูจองที่เป็นราอนแสนกวน รวมถึงมิตรภาพของอียอง ราอน และบยองออนก็แสนอบอุ่นใจ
“To the Beautiful You”
กูแจฮี (รับบทโดยซอลลี่) ถูกรังแกและไล่ออกจากโรงเรียน เธอมีคังแทจุน (รับบทโดยมินโฮ) นักกีฬาคนหนึ่งเป็นไอดอล เธอชอบเขามากและตัดสินใจจะเรียนด้านกีฬาจึงย้ายไปเรียนที่เดียวกับเขา แต่ประเด็นคือแทจุนอยู่โรงเรียนชายล้วน แจฮีตัดสินใจที่จะปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อเข้าโรงเรียน ในระหว่างนั้น แทจุนกำลังรักษาอาการบาดเจ็บและเสียใจที่ความฝันในการเล่นกีฬาของเขาต้องพังลง ตอนที่แจฮีเจอกับแทจุนครั้งแรกเธอให้กำลังใจเขาทำให้แทจุนประทับใจในตัวแจฮี ส่วนพล็อตที่เหลือน่าจะเดาได้ไม่ยากกับซีรีส์แนวรักวัยมัธยม แทจุนเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ใมห้แจฮีและมีรักสามเส้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ไปจนถึงตัวตนของแจฮีถูกเปิดเผย
เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง “Hana Kimi” เป็นซีรีส์สนุกสดใสที่ควรดู ธีมหลักของเรื่องยังให้ความสำคัญกับมิตรภาพและการยอมรับผู้อื่น
“Sungkyunkwan Scandal”
นโยบายการศึกษาที่เข้มงวดในยุคโชซอนไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิง คิมยุนฮี (รับบทโดยพัคมินยอง) ปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อเป็นนักแปลหนังสือและช่วยให้ขุนนางหนุ่มผ่านการสอบที่มหาวิทยาลัย Sungkyunkwan ซึ่งตามกฎในสมัยโชซอนอาชีพนี้ผู้หญิงห้ามทำ ในขณะที่ปลอมตัวเธอก็ได้พบกับชายหนุ่มทั้ง 3 คน (รับบทโดยพัคยูชอน, ยูอาอิน และซงจุงกิ)
“Sungkyunkwan Scandal” มีทั้งเรื่องราวที่เบาสมองและซีเรียส บทคิมยุนฮีที่แสดงโดยพัคมินยองพิสูจน์ว่าเพศสภาพไม่ใช่สิ่งที่จะตัดสินว่าคน ๆ นั้นไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ อีกทั้งเพลงประกอบซีรีส์เรื่องนี้ก็ดีมาก
“Love Detective Sherlock K”
ดาเฮ (รับบทโดยนัมโบรา) ปลอมตัวเป็น “Sherlock K” นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จ เธอให้คำแนะนำและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ เธอได้รับการช่วยเหลือจากคังซานผู้ซื่อสัตย์ (รับบทโดยจองจินยอง) รวมถึงจินจู (รับบทโดยพัคจินจู) อดีตแฮกเกอร์ที่ดูแลร้านกาแฟที่คอยฮีลใจผู้คนของดาเฮ Sherlock K ได้รับมอบหมายจากหนุ่มตระกูลแชบอลอย่างโดมินอู (รับบทโดยพัคมินอู) ให้สืบสวนยูนา (รับบทโดยยุนโบมี) ดาราชื่อดังที่เขาปั้นมา ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้น ๆ ตอนละไม่เกิน 20 นาที แต่เป็นเรื่องราวปริศนาฆาตกรรมควบคู่ไปกับความรัก
