D.P.2 เรื่องราวของ อันจุนโฮ และ ฮันโฮยอล เจ้าหน้าที่หน่วยล่าทหารหนีทัพ (Deserter Pursuit) ซึ่งได้เผชิญกับความจริงที่พวกเขาไม่ล่วงรู้มาก่อน จนได้มาตามล่าเหล่าทหารหนีทัพ ซึ่งมีเรื่องราวเบื้องหลังที่หลากหลาย
ซีรีส์ซีซั่นแรกได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างและครองใจผู้ชมจำนวนมากจากการตีแผ่ประเด็นทางสังคม โดยซีซั่น 2 ที่ทุกคนต่างตั้งตารอจะกลับมาพร้อมผู้กำกับฮันจุนฮี และทีมนักแสดงหลักทีมเดิมจากซีซั่น 1 ซึ่งประกอบไปด้วย
จองแฮอิน รับบทเป็น อันจุนโฮ และ คูคโยฮวาน รับบทเป็น ฮันโฮยอล คู่หูสุดเฟี้ยวจากหน่วยล่าทหารหนีทัพ ร่วมด้วย คิมซองคยุน รับบทเป็น พัคบอมกู หัวหน้าหน่วย D.P. และซอนซอกกู รับบทเป็น ร้อยโทอิมจีซอบ พวกเขาทั้งหมดจะกลับมาในซีซั่นใหม่นี้พร้อมด้วยทีมเวิร์กและเคมีสุดแข็งแกร่ง!
พรีวิว D.P.2
“ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?”
นี่คือคำโปรยที่ Netflix เลือกจะนำมาใช้ในการโปรโมทซีรีส์เกาหลีเรื่อง D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ ที่ได้รับไฟเขียวสร้างซีซั่น 2 ด้วยความสำเร็จจากภาคก่อน ที่ซีรีส์ทำหน้าที่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนปัญหาความรุนแรงในกองทัพเกาหลีชนิดที่ ผู้ชมหลายคนที่มีประสบการณ์ตรงในค่ายทหารถึงกับต้องหยุดดูกลางคัน เพราะภาพความทรงจำที่เคยถูกกระทำในกองทัพ วนกลับมาสร้างบาดแผลทางใจให้กับพวกเขาอีกครั้ง
ด้วยปรากฎการณ์ทั้งหมดนี้ ทำให้ D.P. ซีซั่น 2 ยังคงย้ำเตือนข้อเท็จจริง ถึงความรุนแรงในกองทัพเกาหลี ซึ่งในครั้งนี้ นอกจากเรื่องราวชีวิตของเหล่าทหารหนีทัพที่ถูกหยิบมาบอกเล่าแล้ว เรายังได้เต็มอิ่มไปกับความสัมพันธ์ระหว่าง อันจุนโฮ และ ฮันโฮยอล คู่หู D.P. ที่เคมีความเป็นพี่น้องร่วมสาบานแรงมาก จนเรารู้สึกอินตามไปกับการเดินทางในรั้วทหารของชายหนุ่มสองคนนี้จริง ๆ อาจเป็นเพราะเราเห็นพวกเขามาตั้งแต่ซีซั่น 1 และซีรีส์เลือกจะเล่าเรื่องราวแบบต่อเนื่องกันมาแบบ ไม่เว้นระยะไว้นานเลย ยิ่งทำให้การต่ออารมณ์ของผู้ชมกับตัวละครเชื่อมกันได้แบบไม่ต้องปูพื้นฐานอะไรมาก เพราะซีรีส์มีบทนำของซีซั่น 1 มาให้อยู่แล้ว
สำหรับเส้นเรื่องในซีซั่นนี้ จะโฟกัสไปที่ตัวละคร “อันจุนโฮ” มากขึ้น เพื่อให้เราได้ทำความรู้จักกับเบื้องหลังชีวิตของเขา หลังจากที่ได้เห็นชะตากรรมของเพื่อนทหารถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในค่าย คู่ไปกับการทำหน้าที่นอกกรมทหาร ในฐานะหน่วย D.P. ท่ามกลางกระแสของสังคม ที่เริ่มตั้งคำถามถึงสภาพความโหดร้าย และการบริหารจัดการที่ห่วงภาพลักษณ์ มากกว่ามนุษยธรรมของผู้บัญชาการระดับสูง ซึ่งในที่สุดก็นำมาสู่การเลือกเดินบนเส้นทางอันตรายของ “จุนโฮ” นั่นคือกา่รลุกขึ้นมาเป็นปฏิปักษ์กับกองทัพเกาหลี ด้วยความหวังเดียวที่เขาอยากเห็น นั่นคือ “ความเปลี่ยนแปลง” ของกองทัพ ไม่ว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
แต่ถ้าวันนี้ ไม่มีใครลงมือทำอะไรเลย แล้วคาดหวังว่าองค์กรจะเปลี่ยนแปลงไปในแบบที่เราต้องการ มันก็คงเป็นเหมือนการสร้างความฝันที่ไม้มีวันเกิดขึ้นจริง โดยภาพรวมแล้วเราขอยกให้ D.P.2 เป็นซีรีส์ที่มีคุณค่าไม่ใช่แค่ในฐานะซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จ แต่ในฐานะที่เป็นกระบอกเสียงส่งถึงผู้มีอำนาจ ว่าไม่ช้าไม่นาน ความเปลี่ยนแปลงที่เหล่าผู้นำของกองทัพพยายามปกปิดไว้ จะมาถึงอย่างแน่นอน
โปสเตอร์ D.P.2 หน่วยล่าทหารหนีทัพ 2
