รีวิว Daily Dose of Sunshine – “รับแดดอุ่น กรุ่นไอรัก” คือ ชื่อไทยอย่างเป็นทางการของซีรีส์เกาหลีเรื่อง “Daily Dose of Sunshine” นำแสดงโดย พัดโบยอง, ยอนอูจิน และ จางดงยุน ผลงานใหม่จาก Netflix ของผู้กำกับ “อีแจกยู” ที่เคยฝากผลงานไว้ในซีรีส์ All of Us Are Dead (2022), Sweet Home (2020) และ Tunnel (2017) ซีรีส์ว่าด้วยเรื่องราวการใช้ชีวิตในแผนกจิตเวช ของพยาบาลสาวจิตใจดีอย่าง “จองดาอึน” เธอย้ายมาทำงานในแผนกจิตเวช โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมยองชิน ตามคำแนะนำของหัวหน้าแผนกเดิมที่เธอเคยทำงานอยู่ เพราะความจิตใจดีของเธอ ทำให้การเอาใจใส่คนไข้ กลายเป็นภาระของเพื่อนพยาบาลที่อยู่ด้วย
พัคโบยอง รับบท จองดาอึน
สำหรับตัวละครในเรื่องที่น่าสนใจ นอกจากน้องสาวแห่งชาติ พัคโบยอง ที่ในเรื่องนี้มารับบทเป็น “จองดาอึน” ในซีรีส์เรื่องนี้ยังมี ยอนอูจิน รับบทเป็น “ดงโกยุน” ศัลยแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านทวารหนัก ที่ตกหลุมรักรอยยิ้มอันสดใสของ ดาอึน และ จางดงยุน รับบทเป็น “ซงยูชาน” หนุ่มเพื่อนบ้านที่เติบโตมากับ ดาอึน ตั้งแต่วัยเด็ก พร้อมกับความรู้สึกพิเศษที่เก็บเอาไว้ในใจมานาน ตามมาด้วยนักแสดงสมทบมากประสบการณ์อย่าง อีจองอึน รับบทเป็นหัวหน้าพยาบาล “ซงฮโยชิน” รุ่นพี่ผู้เป็นที่พึ่งพิงของรุ่นน้องทุกคนในแผนก
ซีรีส์มีความยาวรวมทั้งหมด 12 ตอน เล่าเรื่องราวความวุ่นวายในแผนกจิตเวชของ จองดาอึน หลังจากเธอย้ายไปเริ่มต้นงานใหม่ในฐานะพยาบาลหน้าใหม่ ที่ต้องรับมือกับอาการอันหลากหลายของผู้ป่วยจิตเวชที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามารักษาบาดแผนทางใจในโรงพยาบาลมยองชิน จริง ๆ ต้องบอกว่า โดยพล็อตเรื่องในช่วงแรกดูแล้วเหมือนจะโฟกัสไปที่ผู้ป่วยจิตเวช เพื่อให้เราลุ้นเอาใจช่วยให้ ดาอึน สามารถช่วยเหลือคนไข้ให้กลับไปใช้ชีวิตในสังคมแบบคนทั่วไปได้ ด้วยรอยยิ้ม และความรู้สึกจริงใจ เหมือนกับว่าผู้ป่วยทุกคนเป็นคนในครอบครัวของตัวเอง แต่เมื่อดูไปเรื่อย ๆ จนถึงเคสผู้ป่วยที่อยู่ใกล้ตัว จองดาอึน มากที่สุด กลับกลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ในชีวิตของทุกตัวละครที่อยู่รอบตัวของเธอ และคนที่ “พัง” ที่สุดจากเคสนี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตัวของเธอเอง
เพราะผู้ป่วยในความดูแลของเธอ ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล ทดลองใช้ชีวิตแบบคนปกติได้หนึ่งวัน ในตอนนั้น เธอรู้สึกดีใจมาก ที่ได้เห็นคนไข้ของตัวเองกลับบ้าน ออกไปไปใช้ชีวิตในแบบที่เขาควรจะได้ใช้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอต้องแปลกใจ คือ ถัดมาอีกวันหลังจากเขาออกไป คนไข้รายนี้กลับไม่เหมือนคนที่หายดีจากโรคเลย อาการทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม มีแค่เรื่องเดียวที่ต่างออกไป นั่นคือ วันที่เขากลับทำตัวเหมือนกลับไปเป็นผู้ป่วยอีกครั้ง เขาไม่ได้เรียกเธอว่า “ท่านผู้ไกล่เกลี่ย” เหมือนตอนแรกที่เจอกัน แต่เขาเรียกเธอว่า “คุณพยาบาล” เหมือนตอนที่กำลังกลับออกไป
ใครดูมาถึงตอนนี้ อาจจะคิดโทษ ดาอึน อยู่ในใจว่า ทำไมเธอถึงต้องจับสังเกตคนไข้ขนาดนั้นด้วย ปล่อยให้เขาหลบอยู่ในโรงพยาบาลสักพัก น่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้ได้ แต่ก็อย่าลืมว่า ดาอึน เข้ามาอยู่ในแผนกจิตเวช ด้วยพื้นฐานที่ถูกคนนินทาลับหลัง ถึงประสิทธิภาพการทำงานของเธอ การได้รับคำชื่นชม หรือได้รู้สึกว่าตัวเอง “ทำงานเก่งขึ้น” น่าจะทำให้เธอได้รับการยอมรับในหมู่พยาบาลด้วยกันไม่มากก็น้อย แต่เธอไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจนั้น จะส่งผลให้หัวหน้าพยาบาล กับ อาจารย์หมอ ลงความเห็นว่า ผู้ป่วยรายนี้สมควรต้องกลับไปรักษาตัว เพราะเขาหายป่วยแล้ว ไม่สามารถอยู่ในโณงพยาบาลได้ตลอดไป นี่คือจุดเริ่มต้นของความรู้สึกผิดในใจของ ดาอึน และมันยิ่งเลวร้ายมากขึ้น เมื่อโทรศัพท์ของเธอดัง พร้อมกับเสียงจากปลายสายที่แจ้งข่าวการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายของผู้ป่วยรายนั้น
แม้ว่า “ความตาย” คือสิ่งที่แพทย์ และพยาบาลต้องพบเจอทุกวัน แต่สำหรับผู้ป่วยทั่วไป สิ่งที่จบชีวิตของพวกเขา คือ โรคร้าย ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่หาวัคซีนรักษาได้ไม่ทันเวลา แต่สำหรับแผนกจิตเวช สิ่งที่จบชีวิตของพวกเขา กลับกลายเป็นตัวของพวกเขาเอง เพียงแต่ความโชคร้ายครั้งนี้ เกิดขึ้นกับ จองดาอึน หญิงสาวที่มีรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนแดดยามเช้า ความเสียใจที่ช่วยคนไข้ของตัวเองไม่ได้ ค่อย ๆ กัดกินเธอจากข้างใน จนในที่สุดความเศร้านั้น ก็เปลียนให้เธอกลายเป็น จองดาอึน คนที่เอาแต่นอนซมอยู่บนเตียงนอน ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะพาตัวเองลุกออกไปไหน รู้ตัวอีกที สถานะของเธอก็ถูกขั้นป้ายว่าเป็น “ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า” ในวอร์ดปิด (วอร์ดสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มฆ่าตัวตาย) ของโรงพยาบาลอื่นแล้ว
เมื่อซีรีส์เล่ามาถึงตรงนี้ ตัวตนของ ดาอึน ในสายตาของผู้ชมก็เริ่มเปลี่ยนไป เช่นเดียวกันกับความรู้สึกของเธอ ที่มีต่อผู้คนที่อยู่รอบตัว ชุดพยาบาลถูกเปลี่ยนเป็นชุดคนไข้ คำพูดที่เธอเคยพูดกับคนไข้ ถูกเอามาใช้กับเธอ ไม่มีเพื่อนพยาบาลคนไหน รู้ว่าเธอมารักษาตัวที่แผนกจิตเวช ยกเว้นเพื่อนสนิท แม่ คุณหมอดงโกยุน และหัวหน้าพยาบาลซงฮโยชิน ที่รู้ว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องอะไร ในที่สุด ดาอึน ก็เริ่มจะเข้าใจว่า ตลอดช่วงชีวิตของเธอ คนเดียวที่เธอไม่เคยนึกถึงเลยก็คือตัวเอง ไอเดียที่คุณหมอขอให้ ดาอึน เขียนชื่นชมตัวเอง เป็นหนึ่งในวิธีที่เราชอบมาก เพราะนอกจากจะทำให้คนเขียนได้เห็นข้อดีของตัวเอง คำชื่นชมนั้นยังมีหมายความต่อตัวของคนไข้ด้วย ถึงบนโลกนี้จะไม่มีใครพูดเรื่องดี ๆ ถึงเธอ แต่อย่างน้อยก็ยังมีเธอที่คอยเขียนชื่นชมตัวเองทุกวัน
หลังจากฤดูหนาวอันยาวนานในฐานะผู้ป่วยจิตเวชสิ้นสุดลง ด้วยความเข้มแข็งของตัวเอง และพลังใจจากคนใกล้ชิด จองดาอึน ก็ได้กลับมาสวมชุดพยาบาลอีกครั้ง ในโรงพยาบาลมยองชัน ด้วยความรักในอาชีพพยาบาล และความรู้สึกที่อยากจะเดินหน้ารักษาบาดแผลทางใจของผู้คนต่อไป แต่การกลับมาในครั้งนี้ของ ดาอึน ถึงจะเตรียมใจมาดีแค่ไหน ป้ายที่แปะอยู่บนใบหน้าของเธอก็ยังคงเป็น “ผู้ป่วยจิตเวช” อยู่ดี นี่คือเหตุผลที่ซีรีส์เรื่อง “Daily Dose of Sunshine” ถูกเขียนขึ้นมา หลังจากญาติผู้ป่วยรู้ว่า ดาอึน เคยอยู่วอร์ดปิดในฐานะผู้ป่วยทางจิต หลายครอบครัวเลือกจะปฏิเสธ และเรียกร้องให้เธอลาออกไป แต่ไม่ว่าอุปสรรคจะพัดมาแรงขนาดไหน ดาอึน ก็ยังคงยืนหยัดเป็น “พยาบาลแผนกจิตเวช” อยู่ได้ ด้วยกำลังใจจากเพื่อนร่วมงาน คนที่เธอรัก และเพื่อนสนิทที่อยู่กับเธอทุกช่วงเวลาในชีวิต
บางทีการได้กลับไปใช้ชีวิต “แบบปกติ” สำหรับผู้ป่วยจิตเวช นอกจากจะต้องพึ่งพาความกล้าของตัวเองที่จะกลับไปอยู่ในสังคมแล้ว กำลังใจจากคนรอบตัวก็มีผลเช่นกัน เพราะอย่างน้อยกำลังใจเล็ก ๆ เหล่านั้น ก็ช่วยให้พวกเขาอยากตื่นเช้ามาพบเจอเรื่องใหม่ ๆ ในชีวิต ช่วยย้ำเตือนว่าพวกเขาไม่ใช่คนไร้ค่า ไม่ใช่คนที่ทำอะไรก็ล้มเหลว เป็นตัวอันตรายของสังคมเหมือนกับที่คนอื่นคิดกัน เพราะถ้าพูดกันจริง ๆ แล้ว ไม่มีใครบนโลกนี้ มั่นใจได้หรอกว่า มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง หรือคนที่เรารัก เพราะเราทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตระหว่างกลางวัน และ กลางคืน เช่นเดียวกับที่เราทุกคนต่างก็เป็นคนที่ก้ำกึ่งระหว่างความปกติ กับ ไม่ปกติ เช่นกัน
รับชม “Daily Dose of Sunshine” รับแดดอุ่น กรุ่นไอรัก ซับไทยและพากย์ไทย ได้ที่ Netflix