HIGLIGHTS
- รีวิว Gyeongseong Creature – กล่าวโดยสรุปในพาร์ทแรก พูดถึงอารมณ์โกรธแค้นของชาวโชซอนในยุคอาณานิคมญี่ปุ่น-เกาหลี ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และความสิ้นหวัง นี่คือยุคที่ผู้คนต่างก็โหยหาอิสรภาพในการใช้ชีวิต ต่อให้จะเกิดมามีฐานะร่ำรวยแบบ “จางแทซัง” แต่การถูกปกครองโดยชาติอื่น ก็ไม่ต่างอะไรกับการถูกปล้นความภาคภูมิใจในความเป็นคนโชซอนของตัวเองไป
- ถ้ามองให้ลึกขึ้น “สัตว์ประหลาด” ในซีรีส์ไม่ได้มีแค่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นในห้องทดลอง แต่สิ่งที่ Gyeongseong Creature ตอกย้ำกับผู้ชมตลอดการเดินเรื่องในพาร์ทแรก คือ ความกระหายในอำนาจอันไม่สิ้นสุดของมนุษย์ต่างหาก ที่น่ากลัวยิ่งกว่า “สัตว์ประหลาด” ในห้องทดลอง
- แม้ว่าเรื่องความผูกพันระหว่างคนในครอบครัว ที่ต่อให้อีกคนกลายเป็นสัตว์ประหลาด หรือซอมบี้ไปแล้ว แต่ก็ยังจดจำความสัมพันธ์ที่มีต่อกันได้ จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ใน Gyeongseong Creature ซีรีส์ไม่ได้เดินหน้าเพื่อที่จะพาผู้ชมไปหาจุดเฉลยนั้นเพียงอย่างเดียว แต่ซีรีส์เลือกจะเล่าคู่ไปกับการรวมตัวกันของ “กลุ่มผู้ต่อต้าน” ที่จะกลายเป็นแกนหลักของเรื่องราวทั้งหมดในพาร์ทสองที่กำลังจะมาถึง
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เรารอคอย หลังจากได้ชมตัวอย่างของซีรีส์ และรู้ว่าเรื่องนี้ จะถูกแบ่งฉายเป็นสองพาร์ท โดยพาร์ทแรกมี 7 ตอน และพาร์ท 2 จะฉายอีก 3 ตอน เริ่มวันที่ 5 มกราคม 2024 ที่จะถึงนี้ โดยซีรีส์ได้สองนักแสดงหลักอย่าง “พัคซอจุน” และ “ฮันโซฮี” มารับบทเป็นตัวละครหลักในซีรีส์เรื่องนี้ โดย พัคซอจุน รับบทเป็น “จางแทซัง” เจ้าของกิจการโรงรับจำนำที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะแหล่งข่าวระดับสูงของเมือง ส่วน ฮันโซฮี รับบทเป็น ยุนแชอ๊ก นักแกะรอยที่ร่วมเดินทางมากับพ่อ เพื่อตามหาแม่ของตัวเองที่หายไป โดยซีรีส์เลือกจะเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของคนในยุคอาณานิคมญี่ปุ่นเในประเทศกาหลี ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความโกรธแค้น และความเศร้าที่ไม่อาจปกป้องการรุกรานจากจักรวรรดิญี่ปุ่นได้
สำหรับภาพรวมของ Gyeongseong Creature จะแบ่งการเล่าเรื่องออกเป็น 2 ส่วน คือ เส้นเรื่องการทดลองลับใต้ดินของกองทัพญี่ปุ่น ที่ถูกใช้เป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวการถือกำเนิดของ “สัตว์ประหลาด” ใต้แผ่นดินโชซอน ในขณะที่อีกเส้นเรื่อง จะเล่าถึงการพบกันระหว่าง จางแทซัง กับ ยุนแชอ๊ก สองตัวละครที่มีเป้าหมายบางอย่างคล้ายกัน นั่นคือ การตามหาคนหาย แต่สถานการณ์ของฝั่ง แทซัง ดูจะเลวร้ายกว่า เพราะถ้าเขาไม่สามารถตามหาคนที่หายไปได้ โรงรับจำนำของเขาจะต้องถูกยึดไปเป็นของญี่ปุ่น ในขณะที่ฝั่งของ แชอ๊ก กับพ่อ เลือกจะเดินบนเส้นทางนักแกะรอย ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะตามหาเบาะแสของแม่เจอ
นี่คือจุดเชื่อมโยงที่ทำให้ทั้งสองคนต้องโคจรมาพบกัน ผ่านความสัมพันธ์แบบต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ ถึงแม้ตอนแรก แทซัง จะไม่เห็นความจำเป็นอะไร ที่ต้องจับมือเป็นเพื่อนกับสองพ่อลูกต่างเมืองคู่นี้ แต่การถูกฝ่ายญี่ปุ่นบีบบังคับ ทำให้เขาไม่มีทางเลือก แทซัง ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาตัวคนหายกลับมาให้ได้ การมาถึงของสองพ่อลูกนักแกะรอย เลยกลายเป็นอะไรที่ลงล็อกพอดี เมื่อนักแกะรอยสาวอย่าง แชอ๊ก พยายามตามหาตัว แทซัง เพราะคิดว่าเขาเป็นแหล่งข่าวชั้นดี แต่แค่ซีนแรกที่พบกัน คู่พระนางของเราก็ลงไม้ลงมือกันแล้ว ซึ่งในอีกมุมมันก็เป็นสูตรสำเร็จเหมือนกัน ที่คู่พระนางต้องไม่ถูกกันก่อน แล้วค่อยมาเป็นห่วงกันทีหลัง แต่ข้อเสียของ Gyeongseong Creature คือ ไล่ดูไปตั้งแต่ต้นจนถึงตอนจบ เราก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทั้งคู่ไปตกหลุมรักกันเข้าตอนไหน
แน่นอนว่าในมุมของผู้ชม การดูซีรีส์ไปพร้อมกับการได้เห็นพัฒนาการทางอารมณ์ของตัวละคร ยิ่งทำให้เรารู้สึกอยากติดตาม อยากเอาใจช่วยให้ทุกภารกิจสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี คำถามคือในซีรีส์เรื่องนี้ใครมีพัฒนาการที่น่าสนใจบ้าง ยกตัวอย่าง “จางแทซัง” (รับบทโดย พัคซอจุน) นี่คือตัวละครที่ดูเหมือนจะเห็นแก่ความสุขของตัวเองในช่วงแรก แต่โดยเนื้อแท้แล้ว การที่เขาไม่อยากเสียกิจการในมือให้ญี่ปุ่น เป็นเพราะเขาต้องการช่วยเหลือลูกน้องไม่ให้ต้องตกไปอยู่ใต้อาณัติของคนต่างชาติ ฉากนึงที่เราชอบมาก คือ ฉากที่ แทซัง ถูกลากไปซ้อมโดยแก๊งชาวญี่ปุ่น ที่เคยเอาของไปจำนำที่เขา แล้วไม่ได้ราคารับซื้อที่ตัวเองต้องการ ในฉากนั้น แทซัง แทบจะไม่ได้ตอบโต้ในตอนแรก เขารอให้ตำรวจผ่านมาเห็น แล้วค่อยตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่นายตำรวจที่เดินผ่านมาเห็นบอกกับแก๊งนั้น คือ ทำอะไรก็อย่าให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ล่ะ จบคำพูดนั้น นายตำรวจก็เดินหายไป นี่คือซีนที่ไม่ต้องใช้อะไรเยอะ ก็สะท้อนได้ถึงการถูกแบ่งชนชั้น และลำดับความสำคัญของคนโชซอนในยุคสมัยนี้
เช่นเดียวกันกับ ยุนแชอ๊ก (รับบทโดย ฮันโซฮี) นักแกะรอยสาวมืออาชีพ ที่เปิดตัวมาด้วยบุคลิกสุดแข็งแกร่ง ไม่ยอมคน ไม่เชื่อใจใครง่าย ๆ ไม่แปลกใจเลยที่นักแสดงต้องเตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับถ่ายฉากแอ็คชั่น ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวแอ็คชั่นไซไฟสยองขวัญ ที่นอกจากจะต้องเล่นกับ CG แล้ว ยังต้องยกทีมลงไปลุยกับทหารในฐานลับใต้ดินด้วย การที่ทีมแคสติ้งเลือก ฮันโซฮี นักแสดงหญิงผู้เคยรับบทตัวละครหลักในซีรีส์เรื่อง My Name มาแล้ว ถือว่าเลือกได้ถูกต้องมาก เพราะคาแรคเตอร์ของ โซฮี เวลาอยู่บนจอ สามารถพลิกคาแรคเตอร์ไปมาได้แบบไม่ขัดใจเลย จะสวยก็ได้ จะลุยก็ดี ยิ่งตอนไหน ได้เข้าคู่ฉากคู่กับ พัคซอจุน ยิ่งทำให้ระดับความสนุก และน่าติดตามในซีรีส์เรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น
แม้ว่าเรื่องความผูกพันระหว่างคนในครอบครัว ที่ต่อให้อีกคนกลายเป็นสัตว์ประหลาด หรือซอมบี้ไปแล้ว แต่ก็ยังจดจำความสัมพันธ์ที่มีต่อกันได้ จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ใน Gyeongseong Creature ซีรีส์ไม่ได้เดินหน้าเพื่อที่จะพาผู้ชมไปหาจุดเฉลยนั้นเพียงอย่างเดียว แต่ซีรีส์เลือกจะเล่าคู่ไปกับการรวมตัวกันของ “กลุ่มผู้ต่อต้าน” ที่จะกลายเป็นแกนหลักของเรื่องราวทั้งหมดในพาร์ทสองที่กำลังจะมาถึง ซึ่งถ้าเราลองมองให้ลึกขึ้น “สัตว์ประหลาด” ในซีรีส์ไม่ได้มีแค่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นในห้องทดลอง แต่สิ่งที่ Gyeongseong Creature ตอกย้ำกับผู้ชมตลอดการเดินเรื่องในพาร์ทแรก คือ ความกระหายในอำนาจอันไม่สิ้นสุดของมนุษย์ต่างหาก ที่น่ากลัวยิ่งกว่า “สัตว์ประหลาด” ในห้องทดลอง
หากจะให้สรุปภาพรวมสำหรับพาร์ทแรก เรารู้สึกว่าซีรีส์ยังคงมีความน่าติดตามอยู่ ด้วยเซ็ตติ้งที่เป็นเหมือนรอยต่อทางประวัติศาสตร์ และเป็นพาร์ทที่ถูกสร้างมาให้เราทำความรู้จัก รายละเอียดบนโลกของ Gyeongseong Creature มากขึ้น ครึ่งแรกของซีรีส์เลยต้องมีการเล่าปูพื้นฐาน คู่ไปกับฉากแอ็คชั่น และฉากโชว์ความโหดของสัตว์ประหลาด สัญลักษณ์ของการถูกกดทับทางชนชั้นระหว่าง เกาหลี กับ ญี่ปุ่น กล่าวโดยสรุป คือ ซีรีส์เรื่อง Gyeongseong Creature ในพาร์ทแรก พูดถึงอารมณ์โกรธแค้นของชาวโชซอนในยุคอาณานิคมญี่ปุ่น-เกาหลี ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และความสิ้นหวัง นี่คือยุคที่ผู้คนต่างก็โหยหาอิสรภาพในการใช้ชีวิต ต่อให้จะเกิดมามีฐานะร่ำรวยแบบ “จางแทซัง” แต่การถูกปกครองโดยชาติอื่น ก็ไม่ต่างอะไรกับการถูกปล้นความภาคภูมิใจในความเป็นคนโชซอนของตัวเองไป
แล้วซีรีส์เรื่องนี้เหมาะกับใคร? พูดตามความจริง ก็ต้องบอกว่า ใครชอบซีรีส์เรื่อง Kingdom แต่ไม่อยากได้ดีกรีความโหดระดับวิ่งหนีข้ามเมือง ชอบความลึกลับแบบ Stranger Things ซีรีส์เรื่อง Gyeongseong Creature เป็นตัวเลือกช่วงวันหยุดยาวที่ดี เหมาะกับการดู เพื่อรอชมบทสรุปในพาร์ทหลังที่กำลังจะสตรีมให้รับชมพร้อมกันในปี 2024 ที่จะถึงนี้