คิมนัมกิล (Kim Nam Gil) เป็นนักแสดง โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ นักร้อง และผู้ใจบุญชาวเกาหลีใต้ เขาเป็นที่รู้จักเป็นจากบทบาทนำในภาพยนตร์ภัยพิบัติเรื่อง Pandora (2016), หนังระทึกขวัญอาชญากรรม Memoir of a Murderer (2017), ภาพยนตร์ผจญภัย The Pirates (2014), ละครย้อนยุค Portrait of a Beauty (2008) และละครโทรทัศน์แนวอาชญากรรมคอมเมดี้ The Fiery Priest (2019) บทบาทที่โดดเด่นของเขาคือบีดัมในละครโทรทัศน์ยอดนิยมเรื่อง Queen Seondeok (2009)
คิมนัมกิลยังเป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอขององค์กรไม่แสวงผลกำไร Gilstory ซึ่งมุ่งเน้นด้านการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ส่งเสริมศิลปะ และระดมทุนเพื่อบรรเทาทุกข์โดยเฉพาะ คิมนัมกิลเป็นที่รู้จักจากความสามารถรอบด้านของเขาในฐานะนักแสดง เขาได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ลำดับที่ 17 จาก 40 ดาราที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาหลี ปี 2020 ซึ่งจัดอันดับโดย Forbes
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2021 คิมนัมกิลยังได้เปิดตัว Gilstory ENT ซึ่งเป็นบริษัทบันเทิงครบวงจร ร่วมกับ ฮันแจด็อก เจ้าของบริษัทผลิตภาพยนตร์ Sanai Pictures
คิมนัมกิล (Kim Nam Gil) ในวงการโทรทัศน์
คิมนัมกิล เริ่มต้นเส้นทางอาชีพการแสดงทางโทรทัศน์โดยรับบทบาทรองในละครเยาวชนเรื่อง School 1 ทางช่อง KBS ในปี 1999 สี่ปีต่อมา เขาผ่านการคัดเลือกนักแสดงประจำปี 2003 ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดย MBC และปรากฏตัวในบทบาทย่อยต่างๆ ในรายการของช่อง เช่น Be Strong, Geum-soon!
ในช่วงเวลานี้ เขาใช้ชื่อในวงการว่า อีฮัน ซึ่งเขาสร้างขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนกับคังนัมกิล นักแสดงเกาหลีอีกคนที่มีชื่อคล้ายกัน และเพื่อทำให้ตัวเองมีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ในช่วงหลายปีต่อมา เขาได้แสดงเป็นตัวประกอบในละครโทรทัศน์มากขึ้น เช่น Goodbye Solo, Lovers และ When Spring Comes
ในปี 2009 คิมนัมกิล ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในตัวละครสมทบในละครประวัติศาสตร์เรื่อง Queen Seondeok ในบทบาทที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอด ซึ่งละครเรื่องนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในละครทีวีที่มีเรตติ้งสูงสุดในปีนั้น (มีเรตติ้งสูงสุดมากกว่า 40%)
และ คิมนัมกิล ก็กลายเป็นชื่อที่คุ้นเคยของผู้ชม จากการแสดงบทบาทบีดัมที่ขี้เล่นแต่น่าเศร้า คิมนัมกิลกล่าวว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครในหนังสือการ์ตูน เช่น ฮันบีกวัง จาก Ruler of the Land, Miyamoto Musashi ใน Vagabond และ คังแบคโฮ ใน Slam Dunk ผู้เขียนเขียนบทใหม่เพื่อตอบสนองความนิยมของบีดัมในหมู่ผู้ชม ทำให้ตัวละครได้ออกอากาศมากขึ้น และเน้นความโรแมนติกของเขากับซอนด็อก (ถึงแม้จะไม่ถูกต้องตามเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ก็ตาม) จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่ต้องมีนักแสดงนำชายหลักสองคนในละครเรื่องนี้ อาการบาดเจ็บเกิดขึ้นจากการขี่ม้าในการถ่ายทำ และต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลช่วงสั้นๆ เนื่องจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 ถือเป็นผลเสียเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับชื่อเสียงที่เขาได้รับจากการแสดงในละครเรื่องนี้
คิมนัมกิล ได้รับรางวัลหลายรางวัลจากการแสดงของเขา มีแฟนคลับทั้งในและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ได้รับข้อเสนอทั้งจากงานโฆษณา ภาพยนตร์และโทรทัศน์อีกมากมาย
ในปี 2010 เขารับบทนำในเรื่อง Bad Guy ซึ่งเป็นละครแนวเมโลดราม่าเกี่ยวกับการแก้แค้น ความทะเยอทะยาน และความรักที่ร้ายแรง แต่ในขณะที่ยังอยู่ระหว่างการถ่ายทำ คิมนัมกิลก็ได้รับหนังสือแจ้งการรับราชการทหาร เขาพยายามขอเลื่อนออกไปเพื่อถ่ายทำละครเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นก่อน แต่ก็ไม่ได้รับการอนุมัติ คิมนัมกิลจึงรีบถ่ายทำไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ฉากของเขาถูกลด และเน้นการถ่ายโดยใช้แค่ช่วงลำตัวมากขึ้น) จากนั้นคิมนัมกิลจึงเข้ากองทัพในอีกสองวันต่อมา เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2010 เขาได้รับการฝึกขั้นพื้นฐานสี่สัปดาห์ที่นนซาน และปฏิบัติหน้าที่เป็นเวลาสองปีในตำแหน่งพนักงานบริการสาธารณะ
ในปี 2013 คิมนัมกิลได้ร่วมแสดงในซีรีส์แนวแก้แค้นเรื่อง Shark (หรือที่รู้จักในชื่อ Don’t Look Back) จากผู้สร้าง Resurrection และ The Devil
ในปี 2017 คิมนัมกิลได้แสดงในละครทางการแพทย์ย้อนเวลาเรื่อง Live Up to Your Name
และในปี 2019 เขาได้แสดงนำในละครอาชญากรรมแนวตลกเรื่อง The Fiery Priest ในฐานะนักบวชที่มีอารมณ์ร้อน เป็นละครเรื่องแรกที่ออกอากาศในวันศุกร์และวันเสาร์ทางช่อง SBS และได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชม โดยมีเรตติ้งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและจบลงโดยได้รับเรตติ้งสูงสุดที่ 22%
คิมนัมกิลยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัล Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 55 และได้รับรางวัลแปดรางวัลจากการแสดงของเขา รวมถึงรางวัลแดซังในงาน SBS Drama Awards ประจำปี 2019 อีกด้วย
ในปี 2022 คิมนัมกิลกลับมาที่จอโทรทัศน์อีกครั้งพร้อมกับละครเรื่อง Through the Darkness ทางช่อง SBS ในฐานะนักวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญวิทยา ซึ่งถือเป็นการหวนคืนสู่วงการโทรทัศน์ในรอบสามปี โดยไม่รวมการปรากฏตัวพิเศษในละครเรื่อง One the Woman ทางช่อง SBS ซึ่งดูเหมือนว่าเขามาเพื่อสนับสนุนหนึ่งในนักแสดงร่วมคนก่อนของเขา นั่นคือ อีฮานี
คิมนัมกิล ในวงการภาพยนตร์
คิมนัมกิล เดบิวต์บนจอภาพยนตร์เมื่อปี 2004 ในหนังแก๊งสเตอร์เรื่อง Low life ในปี 2006 เขาได้ตัดสินใจอย่างกล้าหาญในการรับบทแสดงตัวละครรักร่วมเพศในภาพยนตร์อินดี้เรื่อง No Regret ที่เป็นข้อถกเถียง ซึ่งรวมถึงฉากเซ็กส์หลายฉากด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำชมอย่างล้นหลามและได้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์ โดยมีการฉายในส่วนพาโนรามาของเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลินครั้งที่ 57 จากนั้นเขาได้แสดงในละครเรื่อง Public Enemy Returns ในปี 2008 ซึ่งเขาร่วมงานกับนักแสดงจองแจยอง คิมนัมกิลระบุในการให้สัมภาษณ์ว่าจองแจยองเรียนในโรงเรียนมัธยมเดียวกับที่เขาเคยเรียน และเป็นแบบอย่างของเขาในฐานะนักแสดง แลถจากอิทธิพลของผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ คังอูซอก คิมนัมกิลจึงหยุดใช้ชื่ออีฮัน ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ในวงการ และเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อโดยกำเนิดของเขา ต่อมาในปีนั้น คิมนัมกิลรับบทนำเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Portrait of a Beauty แม้ว่านักแสดงร่วมของเขา คิมมินซอน จะได้รับความสนใจค่อนข้างมากจากละครชุดอีโรติก แต่การแสดงที่แข็งแกร่งของคิมนัมกิลก็ไม่ได้ถูกมองข้ามไป
ข้อดีอีกประการหนึ่งของความนิยมของคิมนัมกิลซึ่งเป็นผลมาจากซอนด็อกคือการเข้าฉายในปี 2010 ของภาพยนตร์อินดี้ของเขา Lovers Vanished
หลังจากปลดประจำการในปี 2012 คิมนัมกิลได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Ensemble ซึ่งเป็นการเรียบเรียงดนตรีเกี่ยวกับกลุ่มนักดนตรีคลาสสิกที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มและออกไปตามถนนเพื่อแสดงนอกคอนเสิร์ตฮอลล์ปกติของพวกเขา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลงใหลในวัยเยาว์ของพวกเขาในการสร้างเพลงที่เข้าถึงได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวครั้งแรกในเทศกาลดนตรีและภาพยนตร์นานาชาติเจชอน เขายังเป็นหนึ่งในสี่คนดังในปี 2013 ที่กำกับภาพยนตร์สั้นโดยใช้สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S4 ในธีม “Meet a Life Companion” ภาพยนตร์สั้นเรื่อง Hello, Mom ที่บรรยายถึงความรักระหว่างแม่กับลูกสาว และทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นเหมือนภาพยนตร์สมัยก่อน ตามมาด้วยภาพยนตร์ผจญภัยย้อนยุคปี 2014 เรื่อง The Pirates ซึ่งเป็นการกลับมารวมตัวระหว่างคิมนัมกิลกับซนเยจิน
ถัดมา คิมนัมกิล ได้แสดงประกบนักแสดงหญิงเจ้าของรางวัล จอนโดยอน ในภาพยนตร์ระทึกขวัญปี 2015 เรื่อง The Shameless คิมนัมกิลรับบทเป็นนักสืบที่ตกหลุมรักแฟนสาวของฆาตกรที่เขากำลังสืบสวนอยู่ The Shameless เปิดตัวรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2015 ในส่วนของเรื่อง Un Sure Regard คิมนัมกิลได้รับเลือกให้รับบทเป็นขุนนางผู้ทรงอำนาจ Heungseon Daewongun ในภาพยนตร์ย้อนยุคเรื่อง The Sound of a Flower
ในปี 2016 คิมได้แสดงในภาพยนตร์ภัยพิบัติเรื่อง แพนดอร่า โดยเล่าถึงผลพวงของการระเบิดในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แพนดอร่าเปิดตัวในระดับสากลในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติมาเก๊า โดยได้รับการปรบมือต้อนรับอย่างกึกก้อง
ในปี 2017 คิมนัมกิลได้แสดงในภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญเรื่อง Memoir of a Murderer และภาพยนตร์ดราม่าโรแมนติก เรื่อง One Day
ในปี 2019 คิมนัมกิลได้แสดงในภาพยนตร์ตลกเรื่อง The Odd Family: Zombie On Sale และในปี 2020 คิมนัมกิลแสดงในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง The Closet