รีวิว Song of the Bandits – ถ้าพูดถึงเรื่องราวของประเทศเกาหลีในปี 1920 ประเด็นหนึ่งทางประวัติศาสตร์ที่ต้องหยิบมาพูดถึง คือ ช่วงเวลาแห่งการถูกกดขี่ในฐานะประเทศอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น ซึ่งยุคแห่งการถูกกลืนกินทางวัฒนธรรมนี้ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1910 ที่รัฐบาลญี่ปุ่น พยายามหลอมรวมเกาหลี กับ ญี่ปุ่น ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เกิดเป็นความแตกแยก และความกดดันทั้งมิติสังคม การเมือง และวัฒนธรรม
ซีรีส์หยิบยกประเด็นนี้มาเล่า โดยใช้ตัวละครที่มีชื่อว่า “อียุน” รับบทโดย คิมนัมกิล อดีตทหารญี่ปุ่นที่เป็นคนโชซอนโดยกำเนิดมาเป็นแกนหลักในการเดินเรื่อง ซึ่งที่มาของตัวละครนี้ ถือว่าคนเขียนบทวางปมไว้ได้น่าสนใจมาก เพราะถึงเขาจะเป็นอดีตทาสที่รับใช้ทหารญี่ปุ่นมายาวนาน แต่ภายในใจของเขา เหมือนจะพยายามหาทางชดใช้ความผิดที่ตัวเองทำกับคนร่วมชาติมาโดยตลอด เขาจึงออกเดินทางไปยังดินแดนที่อยู่ห่างไกล และได้พบกับผู้คนมากมาย ที่ต้องการให้เขาคอยปกป้อง ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ “อียุน” กลายมาเป็นหัวหน้ากลุ่มคนโฉดที่มีภารกิจเดียว คือ ปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ท่ามกลางความโหดร้ายของแดนเถื่อนแห่งนี้
จุดที่เราชอบมากในซีรีส์ คือ การออกแบบฉากแอ็คชันส์ได้น่าตื่นเต้น สมกับเป็นซีรีส์แนวคาวบอยตะวันออก ทำให้ตัวละครเสริมอย่าง “ออนนยอนอี” รับบทโดย อีโฮจอง และ “อีกวังอิล” รับบทโดย อีฮยอนอุค บทไม่จม ไม่หายไปกับเส้นเรื่องที่มีฉากใหญ่ระดับนี้ ทำให้ฉากต่อสู้ ประชันฝีมือ และกลยุทธ์ทางทหารในเรื่องดูสนุกมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าจะน่าเสียดายที่ซีรีส์ฉบับเต็มมีความยาวถึง 20 ตอน แต่ถูกตัดมาให้ได้รับชมกันเพียง 9 ตอน แต่ก็ถือว่า เป็นการตัดที่ทำออกมาได้สนุกพอสมควร ซึ่งเราเดาว่าส่วนที่ขาดไปอาจจะเป็นเรื่องรายละเอียด และปูมหลังของตัวละคร ที่จะช่วยให้ผู้ชมเข้าใจพฤติกรรม และเบื้องหลังการตัดสินใจของพวกเขามากขึ้น โดยเฉพาะอีกหนึ่งตัวละครสำคัญอย่าง “นัมฮีชิน” รับบทโดย ซอฮยอน ที่มีบทบาทในเวอร์ชันนี้ค่อนข้างน้อย หากเทียบกับตัวละครอื่น ๆ ที่มีซีนจดจำมากกว่านี้
โดยรวมแล้วใครชอบซีรีส์แนวคาวบอยตะวันตก ที่ถูกหยิบยกมาเล่าในบริบทแบบดราม่าเกาหลี น่าจะชื่นชอบ Song of the Bandits ได้ไม่ยากเลย แถมจำนวนตอนก็น้อย ใช้เวลาดูไม่เยอะมาก ดูจบได้ภายในหนึ่งวัน
เรื่องย่อ Song of the Bandits และรับชมแบบพากย์ไทย และซับไทยได้ที่ Netflix