รีวิว Twinkling Watermelon – 2023 คือ ปีที่เขาจากมา และปี 1995 คือ ปีที่เขาย้อนเวลากลับไป
“ถ้าพ่อต้องเลือกช่วยระหว่างผมกับพี่ชายพ่อจะเลือกช่วยใครก่อนครับ?”
ฮาอึนกยอล วัยเด็ก | ภาพ tvN
นี่คือคำถามของ ฮาอึนกยอล ในวัยเด็กถาม ฮาอีชาน หลังจากอุบัติที่เขากับพี่ชายรอดมาพร้อมกัน มันทำให้เขาเกิดความสงสัยตามประสาน้องคนเล็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่สมาชิกส่วนใหญ่บกพร่องทางการได้ยิน หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า “CODA” (Child of Deaf Adults) ว่าในสายตาของ “พ่อ” เขามีความสำคัญมากแค่ไหน ในฉากนั้น พ่อตอบเขาว่า แน่นอนว่าต้องช่วยอึนกยอลก่อน เพราะเขาโชคดีที่เกิดมาพูดได้เหมือนคนทั่วไป เขาต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นให้มาช่วยพ่อได้แน่นอน ในวันนั้น เขาถึงได้รู้ว่า ในสายตาของพ่อ การมีอยู่ของเขา เป็นเหมือนกับสะพานเชื่อมระหว่างทุกคนในครอบครัวกับโลกใบนี้ นี่คือภาระหน้าที่ ที่คนเกิดมาเป็น CODA ต้องแบกรับเอาไว้ ไม่ว่าจะด้วยความเต็มใจ หรือเพราะความจำเป็น แต่สำหรับ อึนกยอล เขาไม่เคยรู้สึกว่าครอบครัวนี้คือภาระของตัวเองเลย เพราะอย่างน้อยในครอบครัวนี้ เขาก็มีครบทุกอย่างเท่าที่ครอบครัวธรรมดา ๆ ฐานะปานกลางพอจะมีได้
ฮาอึนกยอล รับบทโดย รยออุน | ภาพ tvN
จริง ๆ โลกของ อึนกยอล อาจจะเป็นแบบนั้นต่อไปอีกนาน ถ้าหากวันนั้น เขาไม่บังเอิญพบกับ “คุณตา” ที่ร้านซ่อมเครื่องดนตรี อาจารย์คนแรกที่สอนให้เขารู้จักโลกใบใหม่ที่เรียกว่า “เสียงเพลง” โลกที่เขาสามารถเปล่งเสียงของตัวเองได้อย่างเต็มที่ โลกที่เขาไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือสื่อสารของครอบครัว เหตุการณ์นั้น ทำให้มุมมองของ อึนกยอล ที่มีต่อโลกใบนี้เริ่มเปลี่ยนไป พร้อมกับเป้าหมายใหม่ในชีวิตที่เขาอยากเป็น นั่นคือ “นักดนตรี” แต่ซีรีส์ก็มอบจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้กับ อึนกยอล พร้อมกันถึง 2 เรื่อง เรื่องแรกคือเหตุการณ์ไฟไหม้ห้องพัก ระหว่างที่เขาแอบหนีพี่ชายออกไปเรียนดนตรี จนพ่อของเขาเกือบเสียชีวิตเพราะคิดว่าเขายังติดอยู่ข้างในเลยวิ่งเข้าไปช่วย และเรื่องที่สอง คือ การจากลาอย่างไม่มีวันกลับของคุณตาร้านเครื่องดนตรี นี่คือสองเหตุการณ์ที่ทำให้ อึนกยอล (รับบทโดย รยออุน) เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเส้นทางความฝันที่ต้องแอบเก็บเอาไว้ในใจเพียงคนเดียว ขนาดจะได้เป็นศิลปินร่วมกับวงดนตรีระดับประเทศ ยังต้องซ้อมแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ให้พ่อรู้ มันเลยไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่ในฉากปะทะอารมณ์ระหว่าง อีชาน กับ อึนกยอล ความในใจที่เด็กคนนึงเก็บไว้ในใจมาตลอดหลายปีถึงได้ระเบิดออกมา ว่าต่อไปนี้เขาจะไม่เป็นโล่รางวัลของพ่ออีกแล้ว เขาจะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ
ชเวเซกยอง รับบทโดย ซอลอินอา | ภาพ tvN
เช่นเดียวกันกับชีวิตของ อนอึนยู ลูกสาวคนสวยของ ชเวเซกยอง (รับบทโดย ซอลอินอา) เธอเติบโตมาพร้อมกับเส้นทางชีวิตที่ไม่เคยได้กำหนดความชอบด้วยตัวเอง เพราะแม่มักจะขีดเส้นทางเดินไว้หมดแล้ว ว่าเธอต้องไปทางไหน เติบโตไปเป็นอะไร เครื่องดนตรีชิ้นไหนที่เธอควรเล่นเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพและผลของการกำหนดกรอบไว้มากเกินไป คือ การบีบให้ อึนยู ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการหาทางจบชีวิตตัวเอง นี่คือจุดเชื่อมโยงของสองตัวละคร ที่ส่งผลต่อภาพรวมของเส้นเรื่องทั้งหมดใน Twinkling Watermelon เมื่อทั้งคู่ต่างก็ได้ย้อนเวลากลับไปยังช่วงชีวิตที่เปล่งประกาย และเจ็บปวดที่สุดของครอบครัวตัวเอง นำโดยสองตัวละครหลักอย่าง ฮาอีชาน (รับบทโดย ชเวฮยอนอุค) พ่อของอึนกยอล ในช่วงวัย 18 ปี และ ยุนชองอา (รับบทโดย ชินอึนซู) แม่ของอึนกยอล ที่แม้จะเกิดมาในครอบครัวตระกูลแชโบลแต่ก็โชคร้ายที่เกิดมาพร้อมกับความบกพร่องทางการได้ยิน และบาดแผลทางใจที่ถูกฝังลึกเอาไว้มานานกว่า 12 ปี
ประเด็นหนึ่งที่เราชอบมากในซีรีส์เรื่องนี้ คือ ตลอดทริปการเดินทางย้อนเวลาของ อึนกยอล และ อีนยู พวกเราในฐานะคนดูไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับปมความสัมพันธ์มากมายนัก โดยเฉพาะในช่วงที่มีการสลับตัวละคร ระหว่าง ชเวเซกยอง ในโลก 1995 ที่บินไปเมืองนอก กับ อนอึนยู ที่เพิ่งข้ามเวลามาถึง แล้วตัดสินใจจะให้แม่ได้สมหวังกับรักแรกของตัวเอง ตรงนี้ต้องชื่นชมฝีมือการแสดงของ ซอลอินอา ที่ตีความความแตกต่างระหว่างบทแม่ กับบทลูกได้แบบไม่คลุมเครือ บวกกับเคมีความเข้ากันแบบสุด ๆ ของอีกสามตัวละครที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ทำให้การเดินเรื่องที่ใช้พล็อตย้อนเวลาของซีรีส์เรื่องนี้ ดูมีมิติและพัฒนาการของตัวละครมากกว่าเรื่องอื่น ๆ
พ่ออึนกยอล รับบทโดย ชเวฮยอนอุค | ภาพ tvN
ขอเริ่มต้นที่ตัวละครแรก ฮาอีชาน (รับบทโดย ชเวฮยอนอุค) พ่อของอึนกยอล ในช่วงวัยรุ่น ที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน มีชีวิตที่สนุกสนาน และเปล่งประกายเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไป อึนกยอล พบความจริงว่า ในอดีตพ่อของเขาไม่ได้เป็นใบ้ หรือหูหนวกมาตั้งแต่เกิด แต่เพราะเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ทำให้พ่อของเขาต้องกลายเป็นคนพิการ ใช้ชีวิตหลบหน้าเพื่อนสนิททุกคนมาตลอดชีวิต แม้ว่าในตอนแรกการพบกันของทั้งคู่จะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ต่อมาเมื่อได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น อีชาน ก็ไม่ลังเลที่จะเปิดรับความสัมพันธ์กับเพื่อนแปลกหน้าคนนี้ ที่เอาแต่เรียกเขาว่า “พ่อ” จะว่าไปตัวตนของ อีชาน จะเป็นแบบที่เราเห็นไม่ได้เลย ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่มีคุณย่าจิตใจดี และเพื่อนในวงที่คอยสนับสนุนความฝันของเขา ต่อให้มันจะดูบ้ามากแค่ไหน ตลอดทั้งเรื่องเราเลยได้เห็นการเติบโตของตัวละครนี้มากที่สุด
จากจุดเริ่มต้นการทำวง Watermelon Sugar เพื่อจีบสาว กลายมาเป็นวงดนตรี่ที่ช่วยให้ ชองอา หญิงสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกอันเงียบงัน กลับมามีรอยยิ้มได้อีกครั้ง ด้วยเสียงเพลงที่ออกมาจากหัวใจของเขาเอง ยกตัวอย่างฉากที่เราชอบมากอย่างฉากการพบหน้ากันระหว่างเขากับพ่อของ ชองอา เขายื่นหนังสือเรียนภาษามือให้กับพ่อของเธอ และบอกว่า ถ้าเราอยากสื่อสารกับใครมาก ๆ เราจะพยายามพูดออกไป หรือต่อให้ไม่สามารถทำได้ เราก็จะพยายามมากขึ้น เพื่อให้คนที่เรารักสามารถรับรู้ความรู้สึกของเราได้ นี่คือคำพูดที่เป็นตัวเปลี่ยน Mindset ของพ่อชองอา ที่ส่งผลถึงอนาคตในไทม์ไลน์ ปี 2023 ของ อึนกยอล
ยุนชองอา รับบทโดย ชินอึนซู | ภาพ tvN
ตัวละครต่อมาที่เราอยากพูดถึง คือ “ยุนชองอา” (รับบทโดย ชินอึนซู) นี่คือตัวละครที่ต้องบอกว่า ชีวิตน่าสงสารมากที่สุดแล้วในซีรีส์เรื่องนี้ เพราะนอกจากเธอจะเกิดมาพร้อมกับความบกพร่องทางการได้ยิน ไม่มีใครเข้าใจว่าเธอต้องการบอกอะไร เพราะถูกแม่เลี้ยงห้ามไว้ ไม่ให้ใช้ภาษามือในบ้าน เวลาที่เธอโกรธ หรือระบายอารมณ์ใส่ ก็จะถูกจับมัดเอาไว้ แล้วขังในห้องใต้หลังคา มันคือเกมซ่อนหาที่ไม่มีวันจบสิ้นมาตลอดระยะเวลา 12 ปี ของชีวิตเธอ การมาถึงของ อึนกยอล ที่มีเป้าหมายสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพ่อ และทำให้แม่กับพ่อได้ตกหลุมรักกัน กลับกลายเป็นว่า เขาได้ย้อนเวลากลับมาปกป้องแม่ของตัวเองในไทม์ไลน์นี้ และได้เปิดโปงความจริงให้คุณตาของตัวเองรู้ว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา รอยยิ้มที่หายไปจากใบหน้าของลูกสาวที่เขารักมาก ใครเป็นคนพรากมันไป
ถึงแม้ว่าในช่วงสุดท้ายของซีรีส์ การย้อนเวลากลับมาป้องกันอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่จะเกิดกับพ่อของตัวเอง อึนกยอล จะทำไม่สำเร็จ แต่คำพูดหนึ่งที่ อีชาน บอกกับ อึนกยอล ก่อนจากลากัน เป็นเครื่องยืนยันว่า การย้อนเวลามาช่วยพ่อของเขาในครั้งนี้ ไม่ใช่การมาช่วยชีวิต แต่เป็นการช่วยให้พ่อของเขา มีกำลังใจในการใช้ชีวืตต่อไป ไม่จมอยู่กับความกลัว เหมือนในไทม์ไลน์ก่อนหน้าที่ อึนกยอล จะย้อนเวลากลับไป เราเลยได้เห็นภาพของ อึนกยอล ที่ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลแชโบลที่ยิ่งใหญ่ ได้เห็นพ่อกับแม่ของเขาประสบความสำเร็จ และยังคงเปล่งประกาแม้จะอยู่ในช่วงวัยที่อายุมากแล้วก็ตาม มันทำให้เรานึกถึงคำพูดของ อึนกยอล ที่บอกว่า
“ฉันเพิ่งรู้หลังจากมาที่นี่ว่า พ่อแม่ฉันก็มีแผลใจตอนเด็กเหมือนกันและได้รู้ว่าพ่อแม่เอาชนะบาดแผลเหล่านั้นเพื่อมาเป็นพ่อแม่ของฉัน”
วีว่า ลา วีด้า : สดุดีแด่ชีวิต